9 สโมสรหนีตกชั้น, กับ 6 นัดที่เหลือและตั๋ว ไทยลีก 2 จำนวน 3 ใบ ที่ไม่มีใครปรารถนา

ไทยลีก 2023-24 มาถึงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล ในกลุ่มลุ้นแชมป์ก็ยังขับเคี่ยวกันสนุก แต่โซนล่างของตารางก็ฟาดฟันกันสัปดาห์ต่อสัปดาห์เช่นกัน และที่สำคัญคือการที่มีถึง 9 สโมสร ซึ่งอยู่ในข่าย 'ตกชั้น' ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสาพาคุณไปเจาะลึกถึงโปรแกรม รวมถึงความเป็นไปได้ว่าสโมสรใดมีความเสี่ยงสูงที่สุดที่จะหล่นสู่ลีกรองของสยามประเทศ!?

[ 1 ] นครปฐม ยูไนเต็ด (อันดับ 8, 29 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เหย้า) แบงค็อก ยูไนเต็ด

(เยือน) ชลบุรี เอฟซี 

(เหย้า) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

(เยือน) เชียงราย ยูไนเต็ด 

(เหย้า) บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

(เยือน) การท่าเรือ เอฟซี 

   แม้จะมีแต้มเหนือโซนสีแดงอยู่ 6 คะแนน แต่โปรแกรมของ นครปฐม จัดว่าหนักหน่วงที่สุดในบรรดาทีมลุ้นหนีหล่นชั้นด้วยกัน เพราะพวกเขาต้องเจอกลุ่มท็อป 4 ครบทุกสโมสร แถมยังมีมีโปรแกรมเผชิญหน้า บุรีรัมย์ กับ แบงค็อก ที่กำลังลุ้นแชมป์อีกต่างหาก

   เท่านั้นไม่พอ ทัพเสือป่าราชายังต้องมาปะทะคู่แข่งท้ายตารางอย่าง ชลบุรี และ เชียงราย ที่ต่างก็ต้องการคะแนนซะด้วย ดังนั้นใน 6 นัด ที่เหลือต่อจากนี้ มีโอกาสสูงทีเดียวที่พวกเขาจะไร้แต้มติดมือ

   ยังดีหน่อยก็ตรงที่ตุนคะแนนว่าพอสมควร แต่ก็ต้องลุ้นให้ทีมล่างๆ ลงไปสะดุด นครปฐม จึงจะอยู่รอดปลอดภัยในซีซั่นปัจจุบัน

โอกาสรอด: 50 เปอร์เซ็นต์

[ 2 ] สุโขทัย เอฟซี (อันดับ 9, 29 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เยือน) ประจวบ เอฟซี 

(เหย้า) อุทัยธานี เอฟซี 

(เยือน) เมืองทอง ยูไนเต็ด 

(เหย้า) โปลิศ เทโร เอฟซี

(เยือน) ขอนแก่น ยูไนเต็ด 

(เหย้า) ลำพูน วอริเออร์  

   สุโขทัย น่าจะมีโปรแกรมเบากว่าทีมอื่นๆ ในกลุ่มท้ายตาราง แม้จะต้องออกไปเยือน ประจวบ กับ ขอนแก่น ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่พวกเขายังเหลือโปรแกรมที่ต้องเจอ เมืองทอง รวมไปถึง ลำพูน ซึ่งอยู่รอดปลอดภัย ทว่าก็ไม่ได้ลุ้นแชมป์ใดๆ เช่นกัน

   นอกเหนือไปจากนี้ ทีมค้างคาวไฟยังได้เปรียบคู่ต่อสู้กลุ่มเดียวกันคือการที่จะได้เล่นในบ้านรับมือ อุทัยธานี และ โปลิศ เทโร ซึ่งคาดว่าน่าจะเก็บชัยชนะได้ เพราะสนาม ทะเลหลวง มักจะสร้างปัญหาหนักอกให้กับอาคันตุกะอยู่เสมอ

   ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับ สุโขทัย เท่านั้นว่าจะกุมความได้เปรียบตรงนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากคะแนนก็มากกว่าโซนสีแดง 6 แต้ม แถมเกมที่เหลือก็ไม่ต้องปะทะทีมลุ้นแชมป์อีกต่างหาก 

โอกาสรอด: 80 เปอร์เซ็นต์

[ 3 ] ขอนแก่น ยูไนเต็ด (อันดับ 10, 27 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เหย้า) ตราด เอฟซี 

(เยือน) ลำพูน วอริเออร์  

(เหย้า) แบงค็อก ยูไนเต็ด 

(เยือน) บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 

(เหย้า) สุโขทัย เอฟซี

(เยือน) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

   โปรแกรมที่เหลือของ ขอนแก่น จัดว่าหนักหน่วงไม่เบา เนื่องจากต้องเจอ บุรีรัมย์ และ แบงค็อก ที่กำลังลุ้นแชมป์แบบวีคต่อวีค เท่านั้นไม่พอ ยังมี บีจี ปทุม ซึ่งอยู่กลุ่มบนของตารางอีกหนึ่งทีม 

   กับ 28 คะแนนในมือ ถือว่ายังนิ่งนอนใจไม่ได้ ดังนั้นเกมในบ้านที่จะต้อนรับ ตราด กับ สุโขทัย พวกเขาจึงจำเป็นต้องชนะเท่านั้น หากปรารถนาจะไปต่อในฤดูกาล 2024-25 ส่วนการออกไปเยือน ลำพูน อย่างน้อยๆ ก็ควรมีแต้มกลับออกมา

   หากเก็บชัยได้อีกสัก 2 นัด หรือมีสัก 4 คะแนน จาก 6 นัดที่เหลืออยู่ โอกาสที่ ขอนแก่น จะอยู่รอดก็จะสูงขึ้นเช่นกัน

โอกาสรอด: 60 เปอร์เซ็นต์

[ 4 ] เชียงราย ยูไนเต็ด (อันดับ 11, 26 คะแนน)


โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เยือน) การท่าเรือ เอฟซี 

(เหย้า) ราชบุรี เอฟซี 

(เยือน) โปลิศ เทโร เอฟซี

(เหย้า) นครปฐม ยูไนเต็ด 

(เยือน) ประจวบ เอฟซี

(เหย้า) เมืองทอง ยูไนเต็ด 

   เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่อดีตแชมป์ฤดูกาล 2019 ต้องมาอยู่ในครึ่งล่างของตารางการแข่งขันเมื่อผ่านพ้นถึงสัปดาห์ที่ 23 ของซีซั่น 2023-24 

   อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นสโมสรใหญ่ ยังไงเสีย เชียงราย ก็น่าจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ปัจจุบันไปได้ แม้จะต้องลุ้นพอสมควร เพราะโปรแกรมที่เหลืออยู่ถือว่าโหดไม่เบา โดยเฉพาะการไปเยือน โปลิศ เทโร และ ประจวบ ที่ต้องการแต้มเหลือเกิน

   ทว่าด้วยศักยภาพตัวผู้เล่น บวกกับประสบการณ์ในลีกสูงสุด กว่างโซ้งมหาภัยก็คงจะได้ไปต่อในฤดูกาล 2024-25 แน่นอน

โอกาสรอด: 80 เปอร์เซ็นต์

[ 5 ] อุทัยธานี เอฟซี (อันดับ 12, 26 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เยือน) โปลิศ เทโร เอฟซี 

(เยือน) สุโขทัย เอฟซี 

(เหย้า) ตราด เอฟซี 

(เยือน) ลำพูน วอริเออร์  

(เหย้า) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 

(เยือน) แบงค็อก  ยูไนเต็ด 

   อีกหนึ่งทีมที่โปรแกรมที่เหลืออยู่สุดแสนจะสาหัสสากรรจ์ เนื่องจาก 3 นัดต่อจากนี้ต้องเตะกับคู่แข่งในโซนล่างของตารางล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็น โปลิศ เทโร, สุโขทัย และ ตราด เท่านั้นไม่พอ 2 เกมสุดท้ายยังต้องเผชิญหน้า บุรีรัมย์ ต่อด้วย แบงค็อก อีกต่างหาก

   หาก อุทัยธานี ปรารถนาที่จะโบยบินในลีกสูงสุดต่อในซีซั่นถัดไป พวกเขาจำเป็นจะต้องเก็บแต้มจาก 3 นัด ต่อจากนี้ให้ได้ โดยมีเกมบุกเยือน ลำพูน ที่จะเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ เพราะสองแมตช์สุดท้าย โอกาสได้แต้มมีน้อยนิด

   จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 3 นัดต่อจากนี้แหละคือตัวชี้วัดชะตาของช้างป่าห้วยขาแข้งว่าจะยังได้โลดแล่นใน ไทยลีก ต่อหรือไม่

โอกาสรอด: 50 เปอร์เซ็นต์

[ 6 ] ชลบุรี เอฟซี (อันดับ 13, 25 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เยือน) บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

(เหย้า) นครปฐม ยูไนเต็ด 

(เยือน) การท่าเรือ เอฟซี 

(เหย้า) ประจวบ เอฟซี 

(เยือน) เมืองทอง ยูไนเต็ด 

(เหย้า) ตราด เอฟซี 

   ด้วยความที่ฤดูกาล 2023-24 พวกเขาใช้นักเตะอายุน้อยเป็นแกนหลัก แถมบรรดาแข้งต่างชาติก็ดันผลัดหน้ากันบาดเจ็บ มันจึงทำให้ ชลบุรี ต้องหล่นมาอยู่ในโซนท้ายตาราง

   โปรแกรมที่เหลืออยู่ของอดีตแชมป์ ไทยลีก 2007 ถือว่าหนักพอประมาณ เนื่องจากต้องออกไปเยือนทีมใหญ่อย่าง บีจี ปทุม, การท่าเรือ และ เมืองทอง ซึ่งโอกาสได้แต้มนั้นเปอร์เซ็นต์ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีหน่อยตรงที่ได้เล่นในบ้านรับมือ นครปฐม, ประจวบ ปิดท้ายด้วย ตราด 

   3 เกม ที่ ชลบุรี ยูทีเอ สเตเดี้ยมนี่แหละจะกำหนดว่าฉลามแห่งเมืองชลจะได้ไปต่อหรือกลับไปเริ่มใหม่อีกครั้งในฤดูกาล 2024-25

โอกาสรอด: 60 เปอร์เซ็นต์

[ 7 ] ประจวบ เอฟซี (อันดับ 14, 23 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เหย้า) สุโขทัย เอฟซี 

(เยือน) แบงค็อก ยูไนเต็ด

(เหย้า) ลำพูน วอริเออร์

(เยือน) ชลบุรี เอฟซี 

(เหย้า) เชียงราย ยูไนเต็ด

(เยือน) ราชบุรี เอฟซี 

   การได้ สะสม พบประเสริฐ เข้ามาเป็นกุนซือทำให้ ประจวบ ดูเหนียวแน่นขึ้นชัดเจน ทว่าด้วยคะแนนอันน้อยนิดจากเลกแรก ทำให้ซีซั่น 2023-24 เป็นอีกฤดูกาลที่พวกเขาต้องดิ้นรนในช่วงปลายทาง

   อย่างไรก็ตาม โปรแกรมที่เหลืออยู่ของ ประจวบ นั้นไม่ถือว่ายากเกินความสามารถ เนื่องจาก 3 จาก 6 นัดที่เหลืออยู่นั้นคือการพบกับทีมโซนท้ายตารางทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สุโขทัย, ชลบุรี และ เชียงราย โดยมี ลำพูน กับ ราชบุรี เป็นอีก 2 นัด ที่อาจจะงานเบาหน่อย เนื่องจากทั้งคู่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรแล้ว จะโหดหน่อยเพียงการบุกเยือน แบงค็อก เท่านั้นที่อาจจะไร้แต้มกลับออกมา

   สถานการณ์ของ ประจวบ ทั้งหมดจึงต้องขึ้นอยู่ที่ตัวเองว่าจะสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายหรือไม่

โอกาสรอด: 60 เปอร์เซ็นต์

[ 8 ] ตราด เอฟซี (อันดับ 15, 21 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เยือน) ขอนแก่น ยูไนเต็ด 

(เหย้า) โปลิศ เทโร เอฟซี 

(เยือน) อุทัยธานี เอฟซี 

(เยือน) แบงค็อก ยูไนเต็ด

(เหย้า) ลำพูน วอริเออร์ 

(เยือน) ชลบุรี เอฟซี 

   ความยากของ ตราด คือเหลือโปรแกรมที่จะได้เล่นในบ้านตัวเองเพียง 2 จาก 6 นัด ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาต้องออกไปเยือนถึง 4 เกม แถมยังหนักหน่วงล้วนๆ ไล่ตั้งแต่ ขอนแก่น, อุทัยธานี, แบงค็อก และ ชลบุรี คือเรียกได้ว่ามีผลทุกแมตช์

   เท่านั้นไม่พอ 4 จาก 6 เกมที่เหลืออยู่ ช้างขาวจ้าวเกาะยังต้องเล่นกับกลุ่มหนีตกชั้นด้วยกัน แถมยังต้องเจอทีมลุ้นแชมป์อีกต่างหาก ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะได้ไปต่อในซีซั่นหน้าจึงมีไม่มากนัก แต่ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ บางทียอดทีมแห่งแดนตะวันออกอาจจะรวมพลังฮึดสู้จนอยู่รอดปลอดภัยในบั้นปลาย

โอกาสรอด: 50 เปอร์เซ็นต์

[ 9 ] โปลิศ เทโร เอฟซี (อันดับ 16, 21 คะแนน)

โปรแกรมที่เหลืออยู่

(เหย้า) อุทัยธานี เอฟซี 

(เยือน) ตราด เอฟซี 

(เหย้า) เชียงราย ยูไนเต็ด

(เยือน) สุโขทัย เอฟซี 

(เหย้า) แบงค็อก ยูไนเต็ด

(เยือน) บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

   นับตั้งแต่เกิดความเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ส่วน ผลงานของ โปลิศ เทโร ก็ดิ่งลงอย่างชัดเจน การไม่ชนะใครเลยนับตั้งแต่เปิดเลกที่สองมา 9 เกม โดยเป็นความพ่ายแพ้ไปถึง 7 แมตช์ ส่งผลให้พวกเขาร่วงมาอยู่อันดับสุดท้ายของตาราง

   เมื่อเหลือบมองไปที่โปรแกรมที่เหลืออยู่ก็ยิ่งหนักใจแทน เนื่องจาก 4 นัดต่อจากนี้ต้องปะทะทีมในกลุ่มหนีตกชั้นทั้งหมด แถมสองเกมสุดท้ายยังต้องเผชิญหน้า แบงค็อก ปิดท้ายด้วยการออกไปเยือน บีจี ปทุม ที่ต้องการปิดฤดูกาลสวยๆ อีกต่างหาก

   ฉะนั้น 4 แมตช์ข้างหน้าจะเป็นตัวชี้วัดว่า โปลิศ เทโร จะลงเอยเช่นไรในฤดูกาล 2023-24 

โอกาสรอด: 50 เปอร์เซ็นต์


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport