คัมแบ็คคิงหมดท่าคาบ้าน,หงส์แผ่วปลายชัด! 5 ประเด็นเกม ลิเวอร์พูล แพ้ พาเลซ

ลิเวอร์พูล สร้างผลงานย่ำแย่อย่างต่อเนื่องอีกนัดเข้าให้จนได้เมื่อเปิดสนาม แอนฟิลด์ บู๊กับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งมีผลงานไม่สู้ดีไม่ชนะเกมลีกมานานห้านัด แต่จนแล้วจนรอดเกมรุกที่แสนดุดันอันเป็นเครื่องหมายการค้าของ เครื่องจักรสีแดง กลับไม่ทำงาน และมีอันต้องพ่ายให้กับ อินทรีผงาดฟ้า 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 เม.ย.ส่งผลให้ หงส์แดง พลาดโอกาสกลับไปยึดตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราว แถมส่อเค้าชวดคว้าแชมป์รายการนี้เพิ่มอีกใบมากขึ้นด้วย

1. หงส์ชุดใหญ่ไฟกระพริบได้ อลิสซง เฝ้าเสา

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทีม ลิเวอร์พูล หวนกลับมาใช้งานขุนพลคีย์แมนหลายรายตามเดิมหลังโรเตชั่นทีมอื้อซ่ากระทั่งแพ้ อตาลันต้า คารัง 3-0 ในเกม ยูโรปาลีก รอบแปดทีมนัดแรกเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

รวมทั้งสิ้น เร้ด แมชีน ปรับทัพห้าตำแหน่งโดยเฉพาะการได้ อลิสซง นายทวารมือหนึ่งที่ร้างสนามไปนานสิบสัปดาห์นับตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.รวม 15 นัดกลับมาเฝ้าตาข่าย

พร้อมกันนี้ โม ซาลาห์ , คอเนอร์ แบรดลีย์ , แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ หลุยส์ ดิอาซ กลับมาอยู่ในโผ 11 คนแรกตามเดิม ขณะที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ ดีโอโก้ โชต้า มีชื่อนั่งเป็นตัวสำรอง

2. อีเกิ้ลส์มีเฮ โอลิเซ่ คัมแบ็ค

คริสตัล พาเลซ ได้รับข่าวดีเมื่อ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ สตาร์คนสำคัญในเกมรุกฟิตเต็มสูบลงเล่นเป็นตัวจริงได้

นอกจากปีกตัวฉกาจแล้ว อินทรีผงาดฟ้า สลับโผอีกรายจากเกมแพ้ แมนฯ ซิตี้ คารัง 4-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ เลือกใช้งาน เนธาเนี่ยล ไคลน์ ลงเล่นแทน โจเอล วอร์ด กับ จอร์แดน อายิว ที่หล่นไปเป็นตัวสำรอง

ขณะเดียวกัน ทีมเมืองหลวงได้ ไจโร รีเดวาลด์ ที่เจ็บไปตั้งแต่เดือนก.พ. กลับมารอเรียกตัวในซุ้มเช่นกัน

3. ปัญหาที่แก้ไม่ตก

เป็นอีกเกมที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูให้กับคู่แข่งก่อนโดยเกมนี้พวกเขาถูก เอเบเรชี่ เอเซ่ พังประตูพาทีมจากลอนดอนนำหน้าในนาทีที่ 14

ถึงตรงนี้ มันจึงเป็นปัญหาเรื้อรังของ เร้ด แมชีน ที่ คล็อปป์ ไม่อาจแก้ไขได้สักที และแม้พวกเขาจะได้ชื่อว่าเป็นจอมคัมแบ็คตัวพ่อ แต่ปรากฏว่า  อินทรีผงาดฟ้า เอาอยู่ไม่ยอมให้ทีมเจ้าบ้านทวงสกอร์คืนง่ายๆ

เท่านั้นไม่พอ ทีมเยือนน่าจะนำห่างเป็น 2-0 ด้วยซ้ำจากจังหวะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เสียหลักลื่นล้มจนทำให้ ฌอง ฟิลิปป์ มาเตต้า หลุดเดี่ยวไปชิพบอลข้าม อลิสซง ได้แล้ว ดีที่ว่า โรเบิร์ตสัน ตามไปเคลียร์บนเส้นประตูได้ทันชนิดที่บอลเกือบข้ามเส้นประตูแบบเต็มใบอยู่เหมือนกัน

อย่างไรก็ดี หลังตาขายข่ายก่อน ลิเวอร์พูล ตกเป็นฝ่ายตามหลังทีมคู่แข่งในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ 21 นัดแล้วจาก 32 นัด และเสียประตูก่อนในเกมลีกสี่จากห้านัดหลังในรังตัวเองด้วย

เท่านั้นไม่พอ สกาย สปอร์ตส์ เผยว่า เร้ด แมชีน จ่ายบอลพลาดในครึ่งแรกรวม 60 ครั้งซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของพวกเขาในเกม พรีเมียร์ลีก ช่วง 45 นาทีแรกของซีซั่นนี้

จบเกมครึ่งแรกที่ แอนฟิลด์ เจ้าถิ่นครองบอลได้เหนือกว่า 62:38%  แต่โอกาสทำประตูสูสีเนื่องจาก ลิเวอร์พูล ได้ง้าง 7 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง ขณะที่ พาเลซ ได้ง้าง 6 ครั้งเข้ากรอบ 4  ครั้ง

4. แผ่วปลายเต็มรูปแบบ

ตลอดครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังพับสนามบุกใส่ พาเลซ อย่างหนัก และมีเสียวหลายจังหวะ แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาไม่อาจทวงประตูคืนได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวาร ดิ อีเกิ้ลส์ และดาวเตะในแผงหลังของทีมเยือนช่วยกันเคลียร์ลูกอันตรายได้แบบเหลือเชื่อทุกครั้งไป

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ลิเวอร์พูล ออกอาการแผ่วปลายเข้าให้แล้วในช่วงท้ายซีซั่นแบบนี้ซึ่งเป็นเหมือนที่ อาร์เซน่อล ประสบเมื่อซีซั่นก่อนไม่มีผิด และส่งผลให้ เดอะ กันเนอร์ส ชวดคว้าแชมป์ลีกไปครองอย่างน่าเสียดาย

สำหรับ เร้ด แมชีน ปัญหาของทีมน่าจะเป็นผลมาจากรูปแบบการเล่นของพวกเขาเองที่เน้นเพรสสูงวิ่งไล่แย่งบอลกลับคืนมาจากฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่แดนบนซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าระบบการเล่นแบบนี้ของ คล็อปป์ ทำให้นักเตะต้องใช้พละกำลังในการวิ่งแต่ละเกมสูงมากจนอาจทำให้พวกเขาอ่อนระโหยโรยแรงอย่างที่เห็นกระทั่งแพ้คารังสองเกมติด

ดังจะเห็นว่านับตั้งแต่ตกรอบแปดทีม เอฟเอคัพ ด้วยน้ำมือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมคู่แค้น ลิเวอร์พูล ก็ออกอาการแกว่งอย่างต่อเนื่องโดยพวกเขาชนะแค่สองนัดจากหกนัดหลังในทุกรายการ แถมแพ้คาบ้านแบบดูไม่จืดสองนัดซ้อนอีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ กลาสเนอร์ จึงพาทีม อินทรีผงาดฟ้า คว้าชัยในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นนัดแรกได้นับตั้งแต่เขาพาทีมเฝ้าบ้านถล่ม เบิร์นลีย์  3-0 เมื่อเดือนก.พ.

ในทางกลับกัน หงส์แดง แพ้เกมลีกในบ้านเป็นนัดแรกนับตั้งแต่แมตช์บู๊กับ ลีดส์ เมื่อเดือนต.ค.2022 ซึ่งกินเวลานาน 28 นัด (ชนะ 22 เสมอ6)

สำหรับสถิติหลังเกม 90 นาที เร้ด แมชีน ครองบอลได้ดีกว่า 70:30% และได้ยิงมากถึง 21 ครั้งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิง 8 ครั้งเข้ากรอบ 5 ครั้ง

5. หนึ่งแชมป์ถ้วน?

หลังได้แชมป์ คาราบาวคัพ แฟน ลิเวอร์พูล แสดงความมั่นใจว่ามีทางเป็นไปได้ที่ทีมรักจะเหมาคว้าแชมป์สี่รายการเพื่อเป็นการบอกลาบอสคนเก่งอย่างยิ่งใหญ่เนื่องจากในช่วงนั้น หงส์แดง กำลังมีฟอร์มที่ฉกาจฉกรรจ์สุดขีด

แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์อาจได้แชมป์แค่ใบเดียวซะแล้วในซีซั่นนี้หลังแพ้เกมแดงเดือดตกรอบแปดทีมถ้วย เอฟเอคัพ ตามด้วยการโดน อตาลันต้า บุกมายำใหญ่ 3-0 ในเกมแรกของรอบแปดทีมถ้วย ยูโรปาลีก

พร้อมกันนี้ หลังพ่าย พาเลซ คาบ้าน เร้ด แมชีน หล่นจากบัลลังก์จ่าฝูงเรียบร้อยแล้วหลังกระโดดขึ้นไปจับจองตำแหน่งดังกล่าวได้เพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น แถมมีแววพลาดการคว้าแชมป์รายการนี้ด้วยเช่นกัน

จะอย่างไรก็ตาม ต้องรอลุ้นกันต่อว่า ลิเวอร์พูล จะพลิกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้หรือไม่ในช่วงโค้งสุดท้ายเพราะตราบที่ซีซั่นยังไม่จบ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นดังจะเห็นว่าพวกเขาเคยสร้างเซอร์ไพรส์ได้ในเกมสำคัญหลายต่อหลายครั้ง

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หากสุดท้ายแล้ว ลิเวอร์พูล จบซีซั่นโดยได้แชมป์แค่รายการเดียว มันก็ยังดีกว่าการจบซีซั่นแบบมือเปล่าในปีสุดท้ายของนายใหญ่ด๊อยทช์ซึ่งมีการยืนยันกันก่อนแล้วว่าต่อให้ทีมได้แชมป์ใบเล็กแค่ใบเดียว พวกเขาก็จะแห่โทรฟี่ไปรอบเมืองเพื่อกล่าวลา คล็อปป์ อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport